PS: ขอแจ้งให้ทราบทั่วกันค่ะว่ายายอ้วนเจ้าเสน่ห์ดัพเดททุกวันศุกร์
ปราณชั่งใจด้วยการมองโทรศัพท์นานเกือบสิบนาทีแล้ว
บุษราเป็นคนหาเบอร์โทรศัพท์มือถือของมัสลินมาให้หลายวันแล้ว แม้มารดาจะไม่ได้บอกให้โทรศัพท์ไปถามไถ่อาการของมัสลิน แต่จิตสำนึกฝ่ายดีของเขาบอกว่าควรแสดงความมีน้ำใจและความรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ปฏิเสธไม่ได้ว่ามัสลินฆ่าตัวตายเพราะท่าทางผะอืดผะอมกับคนอ้วนของเขา เขาควรไปเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาลด้วยซ้ำ แต่รู้ดีว่าไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เพราะเมื่อเห็นหน้าเธอเขาอาจวิ่งเตลิดเข้าห้องน้ำ และทำให้เธอฆ่าตัวตายซ้ำสองขึ้นมาได้
ในที่สุดชายหนุ่มก็ตัดสินใจกดโทรศัพท์ ขณะรออีกฝ่ายรับสาย เขาสูดลมหายใจเข้าออกยาวๆ เพื่อเรียกสติสัมปชัญญะ
เสียงของเธออาจทำให้คนช่างจินตนาการอย่างเขาคิดไปไกล
ความช่างจินตนาการทำให้เขาวาดภาพการใช้ชีวิตคู่กับมัสลิน เห็นภาพมัสลินใส่ชุดนอนกระโปรงลายหมีน้อยนอนอยู่บนเตียงขนาดคิงไซส์ เธอนอนดิ้นกางแขนกางขาเหลือพื้นที่ให้เขานอนตัวลีบที่ขอบเตียง
จินตนาการนี้ชัดเจนและฝังใจถึงขั้นทำให้เขาเก็บไปนอนฝันร้ายสะดุ้งตื่นกลางดึกเลยทีเดียว
“สวัสดีค่ะ ป่านพูดค่ะ”
“สวัสดีครับป่าน ผมปราณครับ” เขาปรับเสียงให้นุ่มนวลกว่าปกติ
ปลายสายนิ่งเงียบไปนานจนเขาคิดว่าเธอวางสายไปแล้ว
“โทร.มาทำไม?” ถามเสียงขุ่น
มือที่ถือโทรศัพท์เริ่มเกร็ง ปราณเผลอนึกถึงร่างกายใหญ่โตในชุดกึ่งเดินป่ากึ่งทหารและดวงตาคมกริบเอาเรื่อง ภาพนี้มีอิทธิพลมากพอที่ทำให้ลมหายใจเข้าออกยาวๆ ที่เขาพยายามหล่อเลี้ยงให้คงจังหวะสม่ำเสมอมาหลายนาทีเปลี่ยนไป
เขาร้องบอกตัวเองให้นึกถึงดอกไม้ สีขาวช่องามน่าทะนุถนอม
เทคนิคนี้ใช้ได้ผล!
ลมหายใจเริ่มกลับสู่จังหวะปกติ
“คุณสบายดีนะครับ”
“คิดว่าคนที่เจอเรื่องอย่างฉันจะสบายดีรึไง?” น้ำเสียงยังเข้มข้นไม่เป็นมิตร
“ผมไม่คิดว่าเรื่องมันจะแย่อย่างนี้ ผมไม่คิดว่าคุณจะ…คิดสั้น”
“อะไรนะ!? คิดสั้นหรือ? นายหมายความว่าอย่างไง?”
ปราณเลื่อนโทรศัพท์ออกห่างหู เขาหลีกเลี่ยงคำว่าฆ่าตัวตายเพื่อไม่ให้เธอสะเทือนใจ แต่เธอกลับตวาดแหวจนแสบแก้วหู
ชายหนุ่มรู้สึกมือเท้าเย็นเมื่อคิดไปไกลว่า เขาต้องใช้ชีวิตคู่อยู่กับหญิงอ้วนเจ้าอารมณ์อย่างมัสลินไปตลอดชีวิต
ชีวิตที่สงบสุขพลิกผันชั่วพริบตา…เหมือนตกนรก
ปราณเผลอระบายลมหายใจออกมาอย่างไม่รู้ตัว
มัสลินทำเสียงขึ้นจมูก
“จะบอกให้นะว่าคนที่คิดสั้นคือแม่คุณไม่ใช่ฉัน อาปิ่นบังคับพ่อฉัน บังคับให้ฉันลดความอ้วน เรื่องแบบนี้คนดีๆ มีคุณธรรมเขาไม่ทำกันหรอก”
“นี่ป่าน!” ปราณลืมตัวขึ้นเสียงขึ้นมาบ้าง
เขาโกรธที่มัสลินบิดเบือนข้อเท็จจริงและโยนความผิดทั้งหมดมาให้ฝ่ายเขา
“ใครกันแน่ที่บังคับให้เราแต่งงานกัน พ่อคุณน่ะแหละบีบแม่ผม ทั้งๆ ที่รู้ว่าผมแพ้คนอ้วนก็ไม่ยอมเลิกรา รู้มั้ยว่าพ่อคุณแอบส่งนักสืบไปติดตามผมด้วย”
“นักสืบอะไร? อย่ามาหาเรื่องพ่อฉันนะ” หญิงสาวตะเบ็งเสียงตอบโต้
“อ้าว! ก็ผู้ชายกล้ามใหญ่หน้าเนียนเหมือนกระเทยนั่นไง”
“นี่! ฉันไม่รู้ว่านายพูดถึงใคร แต่อย่าคิดว่าชาวบ้านเขาเป็นกระเทยเหมือนนายไปเสียหมด”
“อะไรนะ! นี่คุณหาว่าผมเป็นกระเทยงั้นหรือ?”
เสียงหัวเราะหยันดังมาตามสาย
มัสลินคิดว่าปราณเป็นคนขี้ขลาดที่สุดในโลก ไม่กล้าเจอกันซึ่งหน้า ยังอุตส่าห์โทรศัพท์มาหาเรื่อง
“ฟังนะนายปราณ” ขานชื่ออย่างชัดถ้อยชัดคำ “ฉันไม่เคยคิดแต่งงานกับนาย” พูดทีละคำด้วยน้ำเสียงหนักแน่นราวกับกลัวเขาฟังไม่ถนัด
“แล้วใครล่ะที่เสียอกเสียใจจนฆ่าตัวตาย แล้วพ่อใครล่ะที่วิ่งโร่มาข่มขู่แม่ผมถึงบริษัท ใครล่ะที่บังคับให้ผมไปหาจิตแพทย์น่ะ”
“นายพูดบ้าอะไร!?” มัสลินโวยลั่น เมื่อที่ถือโทรศัพท์สั่นเทา เธอโกรธจัดกัดฟันจนรู้สึกปวดกราม รับรองว่าถ้าเขาอยู่ตรงหน้า เธอจะปาโทรศัพท์ใส่หน้าให้หน้าแตกเลยทีเดียว โทษฐานที่กล่าวหาว่าเธอฆ่าตัวตาย และพ่อเธอคิดสั้น หวังตะครุบผู้ชายงี่เง่าขี้โรคแอบจิตอย่างเขา
คำพูดหลงตัวเองของเขาทำให้เธอร้องยี้ในใจ
“คนอย่างฉันไม่มีวันฆ่าตัวตายเพราะผู้ชายโรคจิตอย่างนายหรอก”
“แล้วใครกันที่กินยานอนหลับสี่สิบเม็ดน่ะ” ปราณโต้ตอบอย่างเหลืออด
“นายปราณ!” นึกไม่ถึงว่าปราณจะกล้าแต่งเรื่องเป็นตุเป็นตะ ถึงขนาดให้รายละเอียดได้ว่าเธอกินยานอนหลับถึงสี่สิบเม็ด
อีกฝ่ายนิ่งเงียบไปนานจนปราณเริ่มรู้สึกผิด คิดว่าพูดจากระทบใจเธอเข้า
เขาโทรศัพท์มาเพื่อขอโทษเธอ ไม่ใช่ทำให้เธอโกรธยิ่งขึ้นไม่ใช่หรือ
“ผมขอโทษนะป่าน…”
“ฟังนะนายปราณ…” ในที่สุดมัสลินก็บังคับตัวเองให้ส่งเสียงพูดที่สั่นเทาเพราะความโกรธออกมา “ถ้าพูดว่าฉันฆ่าตัวตายอีกครั้งเดียว ฉันจะพุ่งไปหานายที่บ้านภายในห้านาที ไม่ใช่แค่ไปให้เห็นหน้า ฉันจะเอาตัวอ้วนๆ ที่นายกลัวจนอ้วกแตกทับจนหายใจไม่ออกเลย…ไม่เชื่อก็ลองดูสิ!” แม้เสียงจะดังก้องจนหูอื้อ แต่ปราณยังถือโทรศัพท์ค้าง ตกตะลึงกับคำขู่ที่นึกภาพตามแล้วแล้วขนลุกซู่หายใจขัดตัวเกร็งขึ้นมาทันที
“จำไว้นะว่า คนอย่างฉัน ถ้าอยากแต่งงาน จะหาผู้ชายด้วยตัวเอง ไม่เหมือนนาย หาผู้หญิงแต่งงานเองไม่ได้ อ้อ…ไม่ใช่สินะ ไม่อยากแต่งงานกับผู้หญิง อาปิ่นเลยต้องใช้วิธีบังคับขายเพราะกลัวขายหน้าชาวบ้านว่าลูกชายเป็นเกย์ น่าภูมิใจนักรึไง?”
“แล้วคุณน่ะสวยเปอร์เฟคนักรึไง? อ้วนเหมือนฮิปโป พูดจาโฮกฮากแบบนี้คงหาผู้ชายมาแต่งงานด้วยตัวเองได้หรอกนะ ลุงนนท์คงรู้จักลูกสาวตัวเองดี เลยมาขู่แม่ผม”
“นายเกย์โรคจิต!”
“ยายอ้วน!”
มัสลินเดินกระแทกเท้าตึงๆ ไปหาผู้เป็นพ่อ เม้มปากแน่นเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อนั่งไขว่ห้างเอนกายพิงพนักโซฟาหนานุ่มท่าทางสบายอารมณ์ เขากำลังโทรศัพท์ รอยยิ้มเต็มใบหน้าเหมือนหนุ่มน้อยโทรศัพท์จีบสาว เมื่อหันมาเห็นเธอ เขานั่งตัวตรงอัตโนมัติ เมื่อเธอเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า เขาวางสายไปแล้ว ปรับสีหน้าเคร่งขรึมแตกต่างลิบลับกับท่าทางที่เห็นเมื่อครู่
มัสลินกระแทกตัวลงนั่งที่โซฟาตรงข้ามจนที่นั่งไหวยวบ จ้องหน้าผู้เป็นพ่ออย่างเอาเรื่อง
“พ่อกำลังเล่นอะไรอยู่?” ถามไร้หางเสียง
มาลินีซึ่งนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่เก้าอี้โยกอีกมุมหนึ่งของห้องมองลอดแว่น เธอวางหนังสือแล้วเดินเข้ามาร่วมสมทบ โดยไม่สนใจสายตาต่อต้านของลูกชาย
“คุยกับเพื่อนจ้ะ” นนท์ตอบยิ้มๆ ขณะที่ลูกสาวทำเสียงขึ้นจมูกแสดงความหงุดหงิดเต็มที่ พ่อแสร้งพูดเรื่องโทรศัพท์ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเธอต้องการพูดเรื่องอื่น
มาลินีซึ่งเดินมานั่งข้างหลานสาวก็พลอยส่งค้อนให้ลูกชายไปด้วย ทั้งๆ ที่ไม่รู้ที่มาที่ไป
“สงสัยพ่อเขาจะมีแม่ใหม่ให้เราแล้วหละป่าน เห็นคุยโทรศัพท์หัวเราะคิกคักเหมือนหนุ่มน้อย นี่คงอยากรีบจำหน่ายจ่ายแจกยายป่านไปให้พ้น ๆ จะได้พาผู้หญิงมาอยู่บ้านใช่มั้ย?” ตอนท้ายหันไปไล่เบี้ยกับลูกชาย
“แม่ก็พูดไปเรื่อย ผู้หญิงที่ไหนกันล่ะครับ”
“ก็ผู้หญิงที่เธอคุยโทรศัพท์เช้ากลางวันเย็นน่ะสิยะ ที่เร่งๆ จะให้ป่านแต่งงานก็เพราะตัวเองจะได้หาเมียใหม่งั้นสิ”
นนท์ตกใจ ไม่คิดว่าผู้เป็นแม่จะลอบสังเกตพฤติกรรมโดยที่เขาไม่รู้ตัว
หญิงสาวเม้มปากและกำมือแน่นจ้องหน้าผู้เป็นพ่อตาเขม็ง นึกไม่ถึงว่าพ่อจะเอาแผนการมีแม่ใหม่ไปเกี่ยวโยงกับการแต่งงานของเธอกับปราณ
“พ่อจะแต่งงานก็แต่งไปสิ ไม่ต้องจับป่านไปแต่งงานกับคนอื่นด้วยหรอก พ่อกำลังทำให้ป่านตกนรกที่จับป่านไปแต่งงานกับนายปราณขี้โรคแอบจิตนั่น!” หญิงสาวตะเบ็งเสียงดังและเข้มข้น เพราะความรู้สึกโกรธแค้นที่มีต่อปราณพุ่งพรวดขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้
“ป่าน…” นนท์เอื้อมมือไปจับมือลูกสาวอย่างนุ่มนวลหมายจะปลอบโยน แต่ลูกสาวดึงกลับอย่างกระแทกกระทั้นและแสนงอน
“พ่อทำเกินไปแล้วนะ! ถึงขั้นไปบอกนายปราณว่าป่านฆ่าตัวตายกินยานอนหลับสี่สิบเม็ด”
“ฮ้า!” มาลินีร้องเสียงหลง หันขวับไปจ้องหน้าลูกชายอย่างนึกไม่ถึง
นนท์หลบตาวูบ
จากประสบการณ์ของผู้เป็นแม่ทำให้มาลินีรู้ว่านนท์ทำจริงตามข้อกล่าวหา เพราะนนท์มักไม่กล้าสู้หน้าเวลาทำผิดแล้วถูกจับได้
“เธอทำอย่างนี้กับลูกได้อย่างไงฮะนนท์?” มาลินีขึ้นเสียงราวกับลูกชายเป็นเด็กเล็กๆ และเกือบจะเอื้อมมือไปหยิกแขน
มัสลินเม้มปากแน่นน้ำตาซึมด้วยความโกรธผสมน้อยใจ
“พ่อทำให้นายนั่นสมเพชป่าน” หญิงสาวพูดเสียงสั่น น้ำตาใกล้เล็ดเต็มที
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะป่าน ฟังพ่อก่อน นี่พ่อทำเพื่อแก้แค้นให้ป่านนะ พ่อแค่อยากให้อาปิ่นกับนายปราณรู้สึกผิดที่มาทำอย่างนี้กับเรา ต่อให้ลูกพ่ออ้วนแค่ไหน เขาก็ไม่มีสิทธิมาแหวะใส่…” ในตอนหลังนนท์ใส่อารมณ์ทั้งน้ำเสียงและท่าทางราวกับปิ่นมณีและปราณมาอยู่ตรงหน้า
สองย่าหลานนิ่งงันและจ้องหน้าเขาตาเขม็ง
“มันได้ผลนะลูก” นนท์ชะโงกตัวเข้าไปพูดตาเป็นประกายน้ำเสียงกระตือรือร้น “นายปราณกินไม่ได้นอนไม่หลับไปหลายมื้อ”
“ฮึ” หญิงสาวทำเสียงขึ้นจมูก
“กินไม่ได้นอนไม่หลับประสาอะไร พ่อรู้มั้ยว่าเขาเพิ่งโทรมาเยาะเย้ยป่าน หาว่าป่านกินยานอนหลับไปตั้งสี่สิบเม็ด เพราะเสียใจที่เขาไม่ยอมแต่งงานด้วย เขาตะโกนใส่หูป่านว่ายายอ้วนดังจนหูแทบแตก แบบนี้น่ะหรือที่รู้สึกผิด กินไม่ได้นอนไม่หลับ?”
“ต๊าย! ทำอย่างงี้กับหลานฉันได้อย่างไง” มาลินีฟาดมือกับเบาะโซฟาทำตาวาวอย่างเจ็บใจ
“ปราณทำถึงขนาดนี้เชียวหรือลูก” นนท์พลอยใส่อารมณ์ไปด้วย
“พ่อจะโทรไปหาอาปิ่นเดี๋ยวนี้เลย บอกว่าลูกชายเขาไร้มารยาทมาก เป็นอันว่าข้อตกลงของเราสิ้นสุด!”
“เอาเลยนนท์ บอกให้เขารู้ไปเลยว่าฝ่ายเราไม่ได้อยากแต่งงานกับเขานักหรอก” มาลินีเชียร์เต็มที่ มัสลินพยักหน้าหงึกๆ กระตุ้นอีกทาง
จากนั้นสองย่าหลานก็นั่งจ้องรอให้เขาหยิบโทรศัพท์ แต่นนท์กลับมองโทรศัพท์แล้วเหลือบมองมารดาและลูกสาวสีหน้าท่าทางลำบากใจ เมื่อผู้เป็นแม่พยักเพยิดไปที่โทรศัพท์ เขากลับถอนหายใจเฮือกใหญ่ท่าทางหนักใจ
“ใจเย็นๆ ก่อนสิครับแม่” ลากเสียงพูดน้ำเสียงอ่อนลง
“ผมรู้ว่าแม่โกรธ ผมก็โกรธ แต่เราต้องคิดให้ถี่ถ้วนก่อน ไม่งั้นเราจะเสียเปรียบ ตอนนี้ผมขอเรียบเรียงความคิดและคำพูดก่อนนะครับ รับรองผมโทร.ไปต่อว่าปิ่นแน่”
คราวนี้ฝ่ายที่ระบายลมหายใจดังพรวดคือมัสลิน ในที่สุดพ่อเธอก็เห็นผลประโยชน์ด้านธุรกิจมาก่อนความรู้สึกของลูกสาวตัวเอง และยอมตกเป็นเบี้ยล่างทางธุรกิจของปิ่นมณีต่อไป โดยไม่สนใจเธอจะเผชิญกับผู้ชายนิสัยแย่ งี่เง่า ขี้โรค ปากร้ายอย่างนายปราณได้อย่างไร
มัสลินยังไม่ไม่เข้าใจมาจนถึงทุกวันนี้ว่าพ่อทำไมจู่ๆ ธุรกิจที่พ่อเคยภาคภูมิใจหนักหนาว่ามั่นคงจึงสั่นคลอนขึ้นมาได้ ทำไมพ่อต้องเอาชีวิตของคนในครอบครัวไปผูกพันกับธุรกิจที่ขึ้นอยู่กับคนอื่น และแม้เธอจะยืนยันว่า เธอสามารถยืนบนลำแข้งตัวเองได้ในฐานะโปรแกรมเมอร์อิสระ ซึ่งเป็นอาชีพที่ใช้สมองอย่างเดียว ความสวยและน้ำหนักไม่มีส่วนต่อคุณภาพงาน พ่อก็ยังยืนยันหัวชนฝาให้เธอแต่งงานกับปราณโดยไม่มีข้อแม้
หญิงสาวปักใจเชื่อว่าปิ่นมณีเป็นคนต้นคิดเรื่องนี้ หากมองในแง่ดีก็เพราะอยากรวมธุรกิจเข้าด้วยกันโดยไม่ใครได้เปรียบเสียเปรียบ เข้าตำราโบราณ “เรือล่มในหนองทองจะไปไหน” แต่หากมองในแง่ร้าย อาจเป็นเพราะปิ่นมณีมีลูกชายตัวผอมซีดเซียวขี้โรคปากเสียและแอบจิต แม่เขาเลยต้องใช้เงื่อนไขทางธุรกิจมาต่อรองกับพ่อเธอ
ไม่อยากเชื่อเลยว่าผู้หญิงเก่งฉลาดใจดีอย่างปิ่นมณีที่ครั้งหนึ่งเธอเคยคิดอยากชวนมาเป็นแม่เลี้ยงจะกลายเป็นผู้หญิงเจ้าเล่ห์ร้ายกาจเช่นนี้ไปได้
มัสลินนั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เปิดหน้าจอเตรียมเขียนโปรแกรมค้างไว้เกือบครึ่งชั่วโมงโดยยังไม่ได้พิมพ์งานสักตัว เธอไม่สามารถถอนตัวให้เลิกคิดถึงเสียงตะโกนคำว่า “ยายอ้วน!” ได้แม้แต่นาทีเดียว
แม้จะรู้ตัวว่าอ้วน แต่ไม่ต้องการการบอกเล่าหรือตอกย้ำจากใครๆ และไม่เคยมีใครพูดกรอกหูว่า “ยายอ้วน” จนหูแทบแตกเช่นนี้มาก่อนเลย
“ต้องเอาคืนให้สาสม” หญิงสาวบอกตัวเองเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วน พลางคิดหาหนทางอย่างหนัก แต่สุดท้ายก็ได้แต่ทำเสียงฮึดอัด เดินไปมาอย่างหงุดหงิด โกรธตัวเองที่คิดเท่าไรก็คิดไม่ออก
เธอเดินกลับมานั่งหน้าจอ พยายามบังคับตัวเองให้ทำงาน แต่สุดท้ายได้แต่นั่งจ้องจอคอมพิวเตอร์ที่มีภาพกราฟฟิกรูปช้างน้อยผูกโบว์สีชมพูหลิ่วตาและส่งยิ้มทะเล้น
ภาพช้างน้อยสีชมพูจุดประกายความคิดให้เจิดจ้า ใบหน้าที่บึ้งตึงเริ่มคลี่คลายกลายเป็นรอยยิ้มเต็มใบหน้า
หญิงสาวตบมือกับโต๊ะเสียงดัง
อา…ในที่สุดช้างน้อยสีชมพูของเธอก็กระซิบบอกวิธีการแก้แค้นที่แสนสะใจให้แล้ว
แม้เรื่องการทำสงครามกับมัสลินจะไม่มีอยู่ในหัว ถึงขนาดต้องใช้ตำราพิชัยสงครามของซุนวูเข้ามาช่วยตามคำแนะนำของกิตติที่บอกว่า “แกต้องศึกษาวิธีคิดของคนอ้วนไว้บ้างนะโว้ย จะได้รู้ว่ายายป่านคิดอย่างไง รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง” แต่การปะทะคารมกับมัสลินทางโทรศัพท์ทำให้ปราณต้องมานั่งท่องเว็บไซต์คนอ้วนด้วยความแค้นคุกรุ่น
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมมัสลินจึงปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่เคยฆ่าตัวตาย ทั้งๆ ที่พ่อเธอเป็นคนแจ้งข่าวนี้กับมารดาของเขาเอง พอเขาโทรศัพท์ไปแสดงความเห็นใจเธอกลับตะโกนใส่หูว่าเขาเป็นโรคจิตเสียอีก
ช่างเป็นเรื่องบังเอิญเหลือเกินที่จู่ๆ ก็มีข้อความปรากฎในมือถือเขาว่า “เว็บบล็อกช้างยิ้ม อ้วนก็ต้องอ่าน ไม่อ้วนก็ต้องอ่าน”
ปราณเข้าไปดูเว็บบล็อกช้างยิ้มแล้วอมยิ้มกับสโลแกนของเว็บบล็อก “ชุมชนคนอ้วนที่มองโลกเชิงบวก”
เขาชอบดีไซน์ของเว็บบล็อกนี้ตรงที่ใช้สีสดใสสบายตาจัดแบ่งเรื่องราวได้อย่างเป็นระเบียบและอ่านง่าย ไม่มีรูปภาพหรือการ์ตูนตกแต่งจนดูเปรอะเลอะเทอะเหมือนบล็อกวัยรุ่นส่วนใหญ่
เขากราดสายตาดูชื่อเรื่องคร่าวๆ แล้วนึกชื่นชมเจ้าของเว็บบล็อกที่อุตส่าห์สละเวลามาทำเว็บบล็อกที่เป็นประโยชน์สมกับเป็นเว็บบล็อกที่มีคนเข้ามาเยี่ยมชมนับแสนคน
สิ่งที่ทำให้เว็บบล็อกนี้แตกต่างจากเว็บบล็อกอื่นๆน่าจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความอ้วนในเชิงบวกสมกับชื่อบล็อกและสโลแกน
สายตาของปราณสะดุดกับเรื่องใหม่ที่เพิ่งอัพเดทเมื่อสิบนาทีที่ผ่านมาที่มีชื่อเรื่องสะดุดตาว่า “ยายอ้วนกับนายขี้โรคแอบจิต”
“เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง แต่ช้างยิ้มขอใช้นามสมมติเพื่อหลีกเลี่ยงผลทางกฎหมาย…
…กาลครั้งหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้เอง มีชายผอมแห้งขี้โรคหน้าตาซีดเซียวคนหนึ่ง เขาใช้ชีวิตเปล่าเปลี่ยวจนย่างเข้าสู่วัยใกล้เลขสาม แต่ยังหาแฟนเป็นตัวเป็นตนไม่ได้
อยู่มาวันหนึ่งคุณแม่ผู้แสนดีพบว่าลูกชายเป็นพวกแอบจิต…
ตายแล้ว!…ขืนชาวบ้านรู้จะเอาหน้าสวยๆ ของแม่ไปไว้ที่ไหน!
คุณแม่หน้าบางจำต้องใช้กำลังภายในข่มขู่หุ้นส่วนธุรกิจ
…ฮึ่ม! ถ้าเธอไม่ยอมให้ลูกสาวเธอมาแต่งงานกับลูกชายฉัน ฉันจะบีบเธอจนหน้าเขียว…
ในที่สุดนักธุรกิจกับลูกสาวผู้น่าสงสารจำต้องยอมจำนน
แล้วก็มาถึงวันที่เจ้าชายขี้โรคประสบพักตร์กับว่าที่เจ้าสาว… เหยื่อที่น่าสงสาร…
เธอเป็นหญิงอ้วนน้ำหนักเกือบร้อยกิโล
เขาตกใจแทบช็อคเพราะโรคเก่ารุมเร้า (อาจเป็นเอดส์หรือมะเร็งระยะสุดท้าย) ผสมกับอาการขวัญอ่อนตามประสาชายผู้นะฮ้าจิตอ่อน
เจ้าหนุ่มขี้โรคแอบจิตมือไม้อ่อน กลัวทั้งผู้หญิงและคนอ้วนจน เป็นลมล้มพับทั้งๆ ที่ยังไม่ได้คุยกับสาวเจ้าสักคำ
เขากลับไปฟ้องแม่ คุณแม่แสนดีสั่งสาวเจ้าให้ลดความอ้วนให้ได้ยี่สิบกิโล!
คุณคิดอย่างไงกับผู้ชายคนนี้?”
หมายเหตุ :หญิงสาวที่ตกเป็นเหยื่อเป็นคือเพื่อนช้างยิ้มของเรานี่เอง
รอยยิ้มที่ปรากฎก่อนอ่านเรื่องราวค่อยๆ จางหายเมื่ออ่านจบ และกลายเป็นบึ้งตึงในที่สุด
นี่มันเรื่องของเขาชัดๆ!
ความเห็นที่ 1…“ผู้ชายงี่เง่า”
ความเห็นที่ 2…“คนอ้วนนะยะ…ไม่ใช่ผี”
ความเห็นที่ 3…“ทำไมแกไม่ไปอยู่กับพวก “นะฮ้า” ล่ะยะ มาลากเพื่อนฉันไปตกนรกด้วยทำไม
ความเห็นที่ 4…“ญาติพี่น้องแกไม่อ้วนมั่งให้มันรู้ไป”
ความเห็นที่ 5… “ไอ้ปัญญาอ่อนเอ๊ย กลับไปดูดนมแม่เถอะไป๊”
ความเห็นที่ 6…”ไปหาของที่ชอบๆ เถอะไป๊”
ปราณอ่านความเห็นต่อๆ มาด้วยอาการตาลาย
มือที่สั่นเทาด้วยความโกรธของเขาดึงเมาส์เลื่อนไปที่ความเห็นสุดท้ายซึ่งเป็นความเห็นที่เก้าสิบเอ็ดเขียนว่า “สัพเพสัตตา อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย”
ปราณฉุกคิดถึงข้อความในโทรศัพท์มือถือแล้วเริ่มเกิดอาการกลัวจนเสียวหลังวูบ มีคนบางคนกำลังเล่นเกมเขย่าขวัญ
เขาเหลือบตามองเวลาที่โพสต์เรื่องกับเวลาที่ข้อความในมือถือปรากฎพบว่าเป็นเวลาเดียวกัน
นึกทบทวนว่ามีใครบ้างที่รู้เรื่องเขากับมัสลินอย่างละเอียดเช่นนี้ เขาเริ่มกระจ่างกับตัวเองว่า คนที่อยู่หลังเรื่องนี้จะเป็นใครไปไม่ได้
ยายอ้วนมัสลินตัวแสบ!
ปราณลนลานคว้าโทรศัพท์ กดค้นหาเบอร์ของมัสลิน
เขาเพิ่งรู้ถึงความรู้สึกที่ว่า “โกรธจนมือสั่น” วันนี้นี่เอง
มัสลินช่างร้ายกาจนัก ทะเลาะกับเขาไม่ถึงชั่วโมง ก็สามารถเอาเรื่องของเขาไปประจานในบล็อกคนอ้วน ทำให้เขาถูกด่าสาดเสียเทเสียถึงเก้าสิบเอ็ดความเห็นภายในเวลาสิบนาที
“คุณเอาเรื่องของผมไปลงบล็อกช้างยิ้มใช่มั้ย?” ปราณถามเสียงห้วนจัดทันทีที่มัสลินรับโทรศัพท์
หากมองเห็นภาพอีกด้านหนึ่ง ปราณคงเห็นมัสลินแสยะยิ้มอย่างสะใจ
“บล็อกอะไรนะชื่อแปลกๆ ? เรื่องอะไรหรือ?”
“ก็เรื่องยายอ้วยกับนายขี้โรคแอบจิตไงล่ะ!”
“โอ๊ะโอ…ชื่อน่าสนใจมาก เดี๋ยวๆ รอเปิดบล็อกแป๊บนึงนะ…โอ้โฮ… ดูความเห็นที่ล่าสุดสิ อย่างนี้ต้องเอาคืน ทำให้เจ็บเป็นร้อยเท่า อย่าให้ไอ้ขี้โรคมาดูถูกเพื่อนช้างยิ้มของเรานะจ๊ะ ว้าวๆๆ” หญิงสาวลอยหน้าลอยตาใส่อารมณ์อ่านข้อความแล้วตบโต๊ะเสียงดังเป็นจังหวะเดียวกับเสียงอุทาน ตามด้วยหัวเราะเสียงกวนอารมณ์ปราณเหลือบมองหน้าจอคอมพิวเตอร์พบข้อความที่เธออ่านให้ฟังพอดี
ให้ตายสิ!ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีคนเข้ามาแสดงความเห็นครบร้อยความเห็นทั้งๆ ที่เพิ่งโพสต์เข้ามาแค่สิบเอ็ดนาที
“ป่าน!” ชายหนุ่มเรียกชื่อเธอเสียงเข้ม “คุณเล่นแรงเกินไปแล้วนะ!”
“ฉันไม่เกี่ยวนะ พอคุณว่าฉันเป็นยายอ้วน ฉันก็โทรศัพท์ไปเล่าให้เพื่อนฟัง มันเข้าไปอยู่ในบล็อกได้อย่างไงก็ไม่รู้ ขอโทษด้วยนะ” มัสลินพูดขณะกลั้นหัวเราะเต็มกำลัง ดังนั้นคำขอโทษของเธอจึงฟังดูไม่จริงใจเอาเสียเลย
“อย่าไปสนใจเลยน่า ไม่มีใครรู้หรอกว่านายขี้โรคแอบจิตน่ะคือคุณปราณ ลูกชายเจ้าของโรงงานเพชรปิ่นมณี”
ปราณกัดฟันกรอดๆ เขารู้ธรรมชาติของกระทู้ลักษณะนี้ดี อีกหน่อยก็จะมีคนมือดี ซึ่งอาจจะเป็นพรรคพวกคนเขียนเข้าไปแสดงความเห็นเฉลยว่าใครเป็นใคร เหมือนที่มักเกิดขึ้นกับกระทู้นินทาดารา
“ถ้ามีชื่อผมกับแม่ผมขึ้นบล็อก ผมไม่ปล่อยคุณไว้แน่”
“เหรอ…น่ากลัวจัง”หญิงสาวลากเสียงยาวยั่วโทสะ
“คราวนี้รู้รึยังชาวบ้านเขาคิดอย่างไงกับผู้ชายขี้โรคปากร้ายแอบจิตอย่างคุณ ถ้ายังไม่เลิกปากเสีย ยังไม่เลิกเอาเรื่องฉันไปนินทากับแฟน จะเจอหนักกว่านี้ แค่นี้นะ จะเข้าไปดูความเห็นที่ร้อยเอ็ดซักสักหน่อย กู้ดไนท์” มัสลินกล่าวอำลาพร้อมกับส่งเสียงจูบไปตามสายปิดท้ายด้วยเสียงหัวเราะเริงร่าที่เสียดหูแทงใจปราณจนเขาต้องระเบิดเสียงระบายอารมณ์เสียงลั่น
เขาเหลือบตามองความเห็นที่หนึ่งร้อยเอ็ด แล้วขบกรามแน่น
“มันผู้ใดทำร้ายคนอ้วน มันผู้นั้นเป็นศัตรูกับพวกเราเหล่าช้างยิ้ม…พวกเราบุก!” ช้างยิ้มนัมเบอร์วัน
ปราณรีบปิดบล็อกก่อนความเห็นที่หนึ่งร้อยสองจะโผล่ขึ้นมา
เขาเดินงุ่นง่านไปรอบๆ ห้อง คิดหาทางเอาคืน แต่แทนที่จะคิดออก กลับคิดถึงหุ่นใหญ่โตในชุดทหารและประกายตาวาวๆ เหมือนนางเสือร้ายของเธอ ราวกับเธอส่งวิญญาณร้ายมาหลอกหลอน
ชายหนุ่มนั่งกุมขมับ ถอนหายใจเฮือกๆ
จิตแพทย์สักร้อยคนก็คงทำให้เขาเลิกกลัวยายอ้วนที่แสบสันต์และร้ายกาจอย่างมัสลินไม่ได้
kully said,
กุมภาพันธ์ 22, 2008 @ 5:55 pm
สนุมากกกกกก เลยค่ะ
ชอบเวลา ปราณเรียกว่า “ป่าน” ดูน่ารักดี (นี่ขนาดยังไม่รักกันนะนี่ 55)
ลุ้น ลุ้น อยากให้เจอกัน (อีกครั้ง) เร็วๆจังเลย
ติดตามอยู่นะคะ
สู้ สู้
Nitty said,
กุมภาพันธ์ 24, 2008 @ 6:04 am
ขอ Link เว็บบล็อกนี้หน่อยดิ
จะได้สมัครเป็นสมาชิกด้วยคน อิ..อิ..
chacreeya said,
กุมภาพันธ์ 24, 2008 @ 7:04 am
ด้วยความยินดีจ้ะ Nitty
Jan said,
กุมภาพันธ์ 28, 2008 @ 8:29 am
ชอบจังเลย ตลกแบบไม่ไร้สาระ อยากอ่านต่อแบบยาวๆนะคะ
กิ่งแก้ว said,
เมษายน 4, 2009 @ 7:18 am
อ่านเรื่องนี้แล้วสนุกดี ชอบนางเอกมากๆเลย
วิภา said,
เมษายน 21, 2009 @ 4:57 am
แวะมาทักจ้า..
จากยายอ้วน เจ้าสเน่ห์ กว่า อิอิ..
จาก…ยายอ้วนกระโปรงสุ่มไก่..
ป.ล. ใช้เบอร์มือถือเบอร์เดิม หรือป่าวอ่ะ เพื่อน..
chacreeya said,
เมษายน 22, 2009 @ 4:00 pm
หวัดดีจ้ะวิ มือถือเบอร์เดิมจ้ะ อีเมลมาคุยกันนะที่ patwajee@gmail.com
วิภา said,
เมษายน 23, 2009 @ 1:01 am
รับทราบจ้า….
ซื้อหนังสือของตะเองไว้หลายเล่มแล้วน๊ะ
เอามาแบ่งเพื่อนๆที่ทำงานอ่าน ทุกคนชอบหมดเลยอ่ะ..
ขายยานอนหลับ said,
มิถุนายน 4, 2014 @ 9:04 am
แหล่งซื้อ- ขายยานอนหลับ,
โดมิคุมชนิดน้ำ, ยาปลุกเซ็กส์หญิง-ชาย, ยาเสียสาว แมลงวันสเปน, ทิงเจอร์ขาว, ยาสลบแบบพ่น-ดม, ยาป้าย,
ป้ายสลบ, ป้ายมึนงง
ให้คำแนะนำในการเลือกซื้อสินค้าอย่างฉลาด ปลอดภัย เมื่อใช้แล้วเห็นผลและตรงตามconceptที่ต้องการ